การละเล่นเตย
เตย หรือ หลิ่น เป็นการละเล่นพื้นบ้านที่ต้องเล่นรวมกำลังเป็นพวก จัดเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายละเท่า ๆ กัน จะเล่นฝ่ายละกี่คนก็ได้ การเล่นเตยนี้ถ้าจัดการแก้ไขให้วิธีเล่นเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว ก็จะเป็นการละเล่นที่น่าสนุกสนานมากทีเดียว
วิธีเล่น
การเล่นเตยเท่าที่เล่นกันอยู่ในหมู่เด็กพื้นเมืองนั้นจะจัดกันดัง ต่อไปนี้
ก่อนเล่น จะต้องขีดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าลงบนลานทรายเรียบ ๆ หรือสนามหญ้าก็ได้ กว้างประมาณ 4 - 6 เมตร ไม่จำกัดส่วนยาวแล้วขีดเส้นคั่น แบ่งสี่เหลี่ยมผืนผ้านั้นออกตามด้านกว้าง เส้นที่ขีดขึ้นใหม่นี้ห่างกันประมาณ 3 - 4 เมตร เรียกว่า "เส้นหลัก" (เส้นสกัด) เส้นหลักนี้จะต้องมีเท่ากับจำนวนคนเล่นฝ่ายหนึ่ง ๆ พอดีเส้นทางด้านยาวทั้งสองข้างนั้นเรียกว่า "เส้นข้าง" แล้วขีดเส้นผ่านกลางตลอดส่วนยาวของรูปสี่เหลี่ยมนั้นอีกเส้นหนึ่งเรียกว่า "เส้นกลาง" เส้นกลางอาจจะขีดยาวออกไปนอกรูปสี่เหลี่ยมนั้นข้างหนึ่งก็ได้ ส่วนที่ขีดเลยออกมานี้เรียกว่า "หนวด" และด้านที่มีหนวดนี้เรียกว่า "หัว"
ตามรูปนี้มีผู้เล่นฝ่ายละ 8 คน แสดงการวางคนเล่นฝ่ายหลักให้สลับกัน และแสดงวิธีวิ่งของหัวหน้าฝ่ายหลักมาขังที่เส้นกลางฝ่ายหลัก
ผู้เล่นพวกหนึ่งมีหน้าที่ประจำเส้นต่าง ๆ เหล่านั้น เรียกว่า ฝ่ายหลัก (สกัด) ส่วนอีกพวกหนึ่งมีหน้าที่ลงผ่านเส้นต่าง ๆ เรียกว่า ฝ่ายลง ในพวกหนึ่ง ๆ จะต้องจัดให้มีหัวหน้าอยู่คนหนึ่ง ซึ่งในพวกของตนเห็นว่าเป็นพวกที่ฉลาดไหวพริบดี ฝีเท้ารวดเร็วเป็นผู้มีหน้าควบคุม และรักษาเส้นกลาง ส่วนหัวหน้าฝ่ายหลักยืนอยู่ที่เส้นหัวคนอื่น ๆ ในพวกฝ่ายหลักก็จะยืนประจำเส้นหลักละคน หัวหน้ามีหน้าที่วิ่งตีฝ่ายลงได้ตั้งแต่เส้นหัวตลอดเส้นกลางและเส้นหนวด แต่จะลงไปตีบนเส้นหลักอื่น ๆ ไม่ได้ ส่วนคนหลักอื่น ๆ นั้น ผู้ใดประจกอยู่ที่เส้นหลักใดก็วิ่งตีฝ่ายลงได้เฉพาะเส้นหลักของตัวเท่านั้น สำหรับเส้นข้าง ทุกคนจะวิ่งไปตีไม่ได้เลย ผู้เล่นฝ่ายหลักมักจะยืนสลับกันโดยหัวหน้าในพวกเป็นผู้จัด เช่น คนแรกยืนอยู่ทางซ้าย คนที่สองก็ยืนอยู่ทางขวา คนที่สามก็ยืนอยู่ทางซ้ายสลับกันเช่นนี้ตลอดไป ฝ่ายลงนั้นออกไปยืนอยู่นอกรูปสี่เหลี่ยมทางด้านหัวทั้งสิ้น เมื่อเป็นที่เรียบร้อยดีแล้ว ฝ่ายลง (ฝ่ายวิ่ง) ก็ถามว่า "อุดหรือ" หัวหน้าฝ่ายหลักตรวจสอบดูพวกเพื่อนของตัว เมื่อเห็นว่าพร้อมแล้วก็ตอบว่า "อุด" อันหมายความว่า เริ่มเล่นได้
เมื่อฝ่ายลงได้ยินว่าหัวหน้าฝ่ายหลักร้องว่า "อุด" ก็เริ่มลงไปโดยต้องผ่านเส้นหัวเสียก่อน แล้วพยายามใช้วิธีล่อ, หลบ, หลีก, ผ่านเส้นหลักทุก ๆ เส้น ไปจนสุดแล้วจึงผ่านกลับขึ้นมาอีกจนสุดเส้นหัว ถ้าฝ่ายลงผู้หนึ่งขึ้นผ่านเส้นหลักทุก ๆ เส้นมาได้โดยมิได้ถูกฝ่ายหลักตีฝ่ายลงนั้นก็ได้เกมเรียกว่า "เตย" และทุก ๆ คนในพวกฝ่ายลงที่ขึ้นมาอยู่ที่เดิมเพื่อเริ่มเล่นต่อไป แต่ถ้าคนหนึ่งในพวกฝ่ายลงถูกตีซึ่งเรียกว่า "ตาย" เสียก่อนเตย ฝ่ายลงต้องกลับเป็นฝ่ายหลัก ฝ่ายหลักก็จะทำหน้าที่ลงต่อไป
ตามธรรมดาหัวหน้าฝ่ายหลักมักมาอยู่ที่เส้นกลาง และขังฝ่ายลงไว้ คือ เมื่อคนที่สองอยู่ซ้าย คนที่สามอยู่ทางขวาแล้ว หัวหน้าก็จะมาอยู่ที่เส้นกลางระหว่างคนที่สองและที่สาม ถ้าฝ่ายลงผ่านพ้นคนที่สองไปได้ หัวหน้าก็มักไปอยู่ที่เส้นกลางระหว่างคนที่สามและที่สี่ดังนี้เรื่อยไป หรือสุดแล้วแต่ฝ่ายหลัก ฝ่ายลงจะใช้วิธีหลอกล่อเป็นการใช้ไหวพริบระหว่างพวกก็ได้
การตีของฝ่ายหลักนั้น หมายความว่า การใช้มือของตนถูกฝ่ายลงในขณะที่เท้าทั้งสองยืนหรือเหยียบอยู่บนเส้นของตน จะก้าวเข้าไปตีโดยเท้าอยู่นอกเส้นไม่ได้ นอกจากถูกฝ่ายหลักตี ฝ่ายลงจะต้อง "ตาย" ได้เหมือนกันในเมื่อ
1. หากพ้นเส้นหลักเส้นไหนไปแล้วกลับผ่านเส้นนั้นขึ้นมาอีกนับเป็น "ตาย" นอกจากจะได้ลงผ่านหมดทุกเส้นแล้วจึงวิ่งผ่านกลับขึ้นมาได้เวลาขึ้น เช่น ผ่านขึ้นมาได้เส้นหนึ่งแล้วจะกลับลงไปอีกก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน จนกว่าจะเกมหรือเตย
2. ออกจากนอกเส้นข้าง ๆ ทั้งสองเท้า
3. วิ่งลงเมื่อหัวหน้าฝ่ายหลักยังไม่บอกว่า "หยุด"
นอกจากนี้ถ้าคนใดในพวกฝ่ายลงนั่งในเวลาที่เริ่มลงมือเล่นแล้ว ฝ่ายหลักจะนอนตีได้ ถ้าฝ่ายลงนั่งอาจนับเป็นตายก็ได้
ก่อนลงมือเล่นทั้งสองฝ่ายจะต้องทำการเสี่ยงว่าใครจะเป็นฝ่ายลงหรือฝ่ายหลักก่อน โดยใช้โยนหัวโยนก้อย หรือชักไม้สั้นไม้ยาว ฯลฯ ผู้ที่ทายถูกโดยมากมักเลือกเป็นฝ่ายลงเสมอ อีกฝ่ายหนึ่งก็ต้องเป็นฝ่ายหลักตามระเบียบ
ประโยชน์
เป็นการออกกำลังกาย ที่ทำให้ร่างกายแข็งแรง และสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ
อ้างอิงจาก : กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ศึกษาการละเล่นพื้นบ้านต่าง ๆ ได้ที่ : บทความทั่วไป