สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 8
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอนันทมหิดล
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอนันทมหิดล (พ.ศ. 2477-2489)
ระหว่างปี พ.ศ. 2478-2484 คหบดีผู้มีชื่อเสียงในสมัยนั้นได้สร้างเวทีมวยขึ้นบริเวณที่ดินของเจ้าเชต ชื่อ “สนามมวยสวนเจ้าเชต” ปัจจุบันคือที่ตั้งกรมรักษาดินแดน การดำเนินการจัดการแข่งขันเป็นไปด้วยดี เนื่องจากทหารเข้ามาควบคุม เพื่อนำรายไปบำรุงกิจการทหาร จัดการแข่งขันกันติดต่อหลายปี จึงเลิกไปเพราะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพญี่ปุ่นบุกเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484
ระหว่างปี พ.ศ. 2485-2487 สงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังจะสงบแต่ยังคงมีเครื่องบินข้าศึกบินลาดตระเวนอยู่ทั้งกลางวันกลางคืน จำเป็นต้องจัดการแข่งขันชกมวยไทยตามโรงภาพยนตร์ต่างๆ ในเวลากลางวัน เช่น สนามมวยพัฒนาการ สนามมวยท่าพระจันทร์สนามมวยวงเวียนใหญ่ เนื่องจากประชนยังคงให้ความสนใจมวยไทยอยู่
วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2488 “สนามมวยเวทีราชดำเนิน” ได้เปิดสนามทำการแข่งขันครั้งแรก มีนายปราโมทย์ พึ่งสุนทร เป็นนายสนามมวยคนแรก พระยาจินดารักษ์เป็นกรรมการบริหารเวที ครูชิต อัมพลสิน เป็นโปรโมเตอร์ จัดชกเป็นประจำในวันอาทิตย
เวลา 16.00-17.00 น. ใช้กติกาของกรมพลศึกษา ปี พ.ศ. 2480 ชก 5 ยก ยกละ 3 นาทีพักระหว่างยก 2 นาที ในระยะแรก ชั่งน้ำหนักตัวนักมวยด้วยมาตราส่วนเป็นสโตนเหมือนน้ำหนักม้า อีก 2 ปีต่อมา จึงเปลี่ยนเป็นกิโลกรัม ปี พ.ศ. 2491 เปลี่ยนน้ำหนักนักมวยเป็นปอนด์ เพื่อให้เป็นระบบสากลมากขึ้น และเรียกชื่อรุ่นตามน้ำหนัก เช่น น้ำหนักไม่เกิน112 ปอนด์ รุ่นฟลายเวท น้ำหนักไม่เกิน 118 ปอนด์ รุ่นแบนตัมเวท เป็นต้น และปี พ.ศ. 2494 สนามมวยเวทีราชดำเนินได้เริ่มก่อสร้างหลังคาอย่างถาวร
วันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2496 พันตำรวจเอกพิชัย กุลวณิชย์ ผู้ช่วยมวยนายสนามมวยเวทีราชดำเนินได้ออกระเบียบให้นักมวยสวมกางเกงให้ตรงมุมตนเอง พี่เลี้ยงต้องแต่งกายสุภาพ
วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2496 “สนามมวยเวทีลุมพินี” ได้เปิดการแข่งขันมวยไทยขึ้นเป็นครั้งแรก มี เสธ เอิบ แสงฤทธิ์ เป็นนายสนาม นายเขต ศรียาภัย เป็นผู้จัดการ
“ปี พ.ศ. 2498 บริษัทเวทีราชดำเนิน จำกัด ได้จัดทำกติกามวยไทยอาชีพฉบับแรกขึ้นโดยได้ปรับปรุงจากกติกามวยไทย ฉบับปี พ.ศ. 2480 ของกรมพลศึกษา”
พ.ศ. 2502 นายโนกุจิ นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นนำนักมวยชาวญี่ปุ่นมาชกกับนักมวยไทย ได้ถ่ายภาพยนตร์มวยไทยไว้แล้วนำไปศึกษา เปลี่ยนชื่อเป็นคึกบอกซิ่งนายไคโต เคนกุจิ “ผู้นำด้านศิลปะการต่อสู้ชาวญี่ปุ่นได้เข้าชมมวย ณ เวทีราชดำเนินเกิดความประทับใจ นำวิชามวยไทยไปฝึกสอนกันอย่างจริงจังในโรงเรียนประถมศึกษาของญี่ปุ่น”
พ.ศ. 2503 บริษัทเวทีราชดำเนิน จำกัด ได้เพิ่มข้อบังคับกติกามวยไทยอาชีพอีกว่านักมวยไทยต้องมีอายุในวันแข่งขันไม่ต่ำกว่า 18 ปี และอายุไม่เกิน 38 ปีบริบูรณ์
พ.ศ. 2504 เวทีราชดำเนินได้จัดการแข่งขันมวยชิงถ้วยพระราชทานขึ้นเป็นครั้งแรกมีนักมวยซึ่งได้รับถ้วยพระราชทาน ตามลำดับดังนี้
ผู้นำด้านศิลปะการต่อสู้ชาวญี่ปุ่นได้เข้าชมมวย ณ เวทีราชดำเนิน เกิดความประทับใจ นำวิชามวยไทยไปฝึกสอนกันอย่างจริงจังในโรงเรียนประถมศึกษาของญี่ปุ่น
วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2504 คนที่ 1 นำศักดิ์ ยนตรกิจ |
วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2506 คนที่ 2 เดชฤทธิ์ อิทธิอนุชิต |
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2508 คนที่ 3 สมพงษ์ เจริญเมือง |
วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2512 คนที่ 4 เฉลิมศักดิ์ เพลินจิต |
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2522 คนที่ 5 ศรนักรบ เกียรติวายุภักษ์ |
วันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 คนที่ 6 เผด็จศึก พิษณุราชันย |
พ.ศ. 2507 นายเฉลิม เชี่ยวสกุล ประธานบริษัทเวทีราชดำเนิน จำกัด ประกาศใช้ระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการชิงแชมป์เปี้ยน การป้องกันแชมป์เปี้ยน และการจัดอันดับนักมวยไทยของเวทีราชดำเนินเป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2508 บริษัทเวทีราชดำเนิน จำกัด ได้ปรับปรุงกติกามวยไทยอาชีพให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ให้ชื่อว่า “กติกามวยไทยอาชีพของเวทีราชดำเนิน พ.ศ. 2508”
ธันวาคม พ.ศ. 2527 เวทีมวยราชดำเนินจัดอันดับ 10 ยอดมวยไทยขึ้นเป็นครั้งแรกดังนี้ 1 ผล พระประแดง 2 สุข ประสาทหินพิมาย 3 ชูชัย พระขรรค์ชัย 4 ประยุทธ์อุดมศักดิ์ 5 อดุลย์ ศรีโสธร 6 อภิเดช ศิษย์หิรัญ 7 วิชาญน้อย พรทวี 8 พุฒ ล้อเหล็ก9 ผุดผาดน้อย วรวุฒิ 10 ดีเซลน้อย ช.ธนสุกาญจน์
คนที่ 1 ผล พระประแดง | คนที่ 2 สุข ปราสาทหินพิมาย | คนที่ 3 ชูชัย พระขรรค์ชัย |
คนที่ 4 ประยุทธ์ อุดมศักดิ์ | คนที่ 5 อดุลย์ ศรีโสธร | คนที่ 6 อภิเดช ศิษย์หิรัญ |
คนที่ 7 วิชาญน้อย พรทว | คนที่ 8 พุฒ ล้อเหล็ก | คนที่ 9 ผุดผาดน้อย วรวุฒิ |
คนที่ 10 ดีเซลน้อย ช.ธนสุกาญจน์ |
อ้างอิงจาก : กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ศึกษาเพิ่มเติม : ประวัติมวยไทย