สมัยอาณาจักรนครหริภุญชัย
การค้นคว้าข้อมูลทางด้านมวยของอาณาจักรหริภุญชัยนั้น ข้อมูลส่วนมากจะเกี่ยวเนื่องกับตำนานพระนางจามเทวีผู้สร้างเมืองลำพูนกล่าวคือ เมื่อประมาณ พ.ศ. 1200 มีพระฤๅษีนามสุกกะทันตะฤๅษี ซึ่งเป็นสหายธรรม กับท่านสุเทวะฤๅษี เป็นพระอาจารย์ผู้สั่งสอนธรรมวิทยาแลศิลปศาสตร์ทั้งปวง อันควรแก่การศึกษาสำหรับขุนท้าวเจ้าพระยาทั้งหลายโดยตั้งเป็นสำนักเรียนขึ้นที่เขาสมอคอน แขวงเมืองลพบุรี (ลวะปุระ หรือ ละโว้)
ในสรรพวิทยาทั้งหลายนั้น ประกอบด้วยวิชชาอันควรแก่ชายชาตรีที่เรียกว่า “มัยศาสตร์ (มายาศาสตร์ มาจาก มัย+ศาสตระ แปลว่าวิชาที่ฝึกเพื่อให้สำเร็จ หรือบ้างเรียกว่า “ชาตรี” แปลว่าเหนือกว่าที่เกิด)” อันได้แก่วิชามวย วิชาดาบ วิชาธนู วิชาบังคับช้าง ม้าซึ่งเป็นการฝึกฝนเพื่อให้เกิดความชำนาญในการต่อสู้ป้องกันตัวและศึกสงคราม ในสมัยโบราณจะมีสำนักเรียน (สำนักเรียนมวยแตกต่างจาก ค่ายมวย คือ สำนักเรียนจะมีเจ้าสำนัก หรือครูมวย ซึ่งมีฝีมือและชื่อเสียงเป็นที่เคารพรู้จัก มีความประสงค์ที่จะถ่ายทอดวิชาไม่ให้สูญหาย โดยมุ่งเน้นถ่ายทอดให้เฉพาะศิษย์ที่มีความเหมาะสม ส่วนค่ายมวย เป็นที่รวมของผู้ที่ชื่นชอบในการชกมวยมีจุดประสงค์ที่จะแลกเปลี่ยนวิชาความรู้เพื่อนำไปใช้ในการแข่งขัน-ประลอง) โดยแยกเป็น “สำนักหลวง” และ “สำนักราษฎร์” บ้างก็ฝึกเรียนร่วมกับเพลงดาบ กระบี่ กระบองพลอง ทวน ง้าวและมีดหรือการต่อสู้อื่นๆ เพื่อใช้ในการต่อสู้ป้องกันตัวและใช้ในการสงคราม มีทั้งพระมหากษัตริย์และขุนนางแม่ทัพนายกองและชาวบ้านทั่วไป (ส่วนใหญ่เป็นชาย) และจะมีการแข่งขันต่อสู้-ประลองกันในงานวัด และงานเทศกาลโดยมีค่ายมวยและสำนักมวยต่างๆ ส่งนักมวยและครูมวยเข้าแข่งขันชิงรางวัล-เดิมพัน โดยยึดความเสมอภาค
อ้างอิงจาก : กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ศึกษาเพิ่มเติม : ประวัติมวยไทย