การละเล่นชนโคคน
ชนโคคน หรือ ชนวัวคน, ชนควายด้วยศีรษะ เป็นการละเล่นเก่าแก่ชนิดหนึ่ง ที่นิยมเล่นกันในเทศกาลตรุษสงกรานต์ งานพิธีการ หรืองานรื่นเริงต่าง ๆ ในภาคใต้สมัยก่อน
วิธีเล่น
แบ่งออกเป็นสองพวก ๆ ละ 5 คน ในพวกหนึ่งสมมติ คนเล่นให้เป็นโค 1 คน เป็นหมอแต่งโค 1 คน เป็นคนถืออาหารและน้ำสำหรับโค 1 คน เป็นคนจูงโคเข้าวาง 1 คน คนที่เป็นโคเลือกคนที่มีร่างกายแข็งแรง ฉลาดไหวพริบดี คนที่จะเป็นโคจะต้งคลานโดยใช้มือทั้ง 2 และเข่าทั้ง 2 ข้างต่างขาโค ใช้ไหล่และศีรษะต่างเขาชนกัน คนจูงจูงเข้าวงชนกัน ต้องมีเชือก 1 เส้น ยาวประมาณ 5 ศอก ใช้เชือกชนิดที่อ่อน ๆ เช่น เชือกด้วยเข็ด ขนาดกลางไม่โตและไม่เล็กเกินไป ต้นและปลายเชือกผู้วางโคต่างถือไว้ข้างละคน วัดเส้นเชือกให้ได้กึ่งกลางพอดีให้คนโคใช้ปากคาบเชือกสมมติว่าร้อยจมูกโค คนที่เป็นหมอแต่งโคเลือกคนที่ตลกขบขันท่าทางเป็นคนเลื่อมใสทางไสยศาสตร์ ต้องมีหม้อน้ำมนต์ 1 ใบ เวลาเข้าแต่งโคฝ่ายตนผู้นั้นจะต้องแสดงวิธีปลุกเสก ด้วยคาถาอาคมตามแต่ตนจะสมมติขึ้น คนที่จัดอาหารและน้ำสำหรับโคคน จะต้องมีน้ำและหญ้าหรือจะใช้ขนมต่างหญ้าก็ได้ ถือเข้าสู่สนามโค เพื่อให้โคคนกินไปก่อนเวลาเข้าชนว่าด้วยวิธีเล่น สนามต้องเป็นรูปวงกลม ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายต้องอยู่ด้านตรงกันข้ามตรงกลางสนาม กรรมการต้องทำเครื่องหมายไว้กึ่งกลางสนามพอดี เป็นเขตกำหนดสำหรับพักโคทั้งสองฝ่าย เมื่อจูงโคของตนมาถึงแล้ว จะล่วงล้ำพาโคของตนพ้นไปไม่ได้
เมื่อทั้งสองฝ่ายมาถึงเครื่องหมายที่กรรมการทำไว้แล้ว ผู้วางโคทั้งสองฝ่ายต่างชักเชือกที่โคคนคาบออกเสียปล่อยให้โคคนต่อสู้กันตัวต่อตัว กรรมการจะต้องให้เวลาผู้เล่นทั้งสองฝ่ายเตรียมตัว 10 นาที
เมื่อกรรมการให้อาณัติสัญญาณครั้งที่ 1 หมอแต่งโคจะต้องเตรียมโคของตน เช่น สมมติว่าให้ปลุกเสกคาถาอาคม ผู้เลี้ยงโคให้โคกินหญ้า เมื่อครบกำหนดเวลาที่กรรมการวางไว้ให้เตรียมตัวแล้ว ก็อาณัติสัญญาณครั้งที่ 2
เมื่อผู้เล่นได้ยินอาณัติสัญญาณ ครั้งที่ 2 ต่างก็นำโคของตนไปที่เครื่องหมายวางโค คนถืออาหารโคไม่ต้องไป ขณะที่ทั้งสองฝ่ายจูงโคของตนออกไปสู่ที่วางโคนั้น หมอโคต้องเดินนำหน้าโคและประปรายน้ำมนต์ไปด้วย พอถึงเครื่องหมายแล้วหมดโคกลับที่เดิม ต่อจากนั้นเป็นหน้าที่ของคนวางโค เมื่อกรรมการเห็นว่าผู้เล่นทั้งสองฝ่ายมาถึงที่หมายพร้อมกันแล้ว ก็ให้อาณัติสัญญาณครั้งที่ 3
เมื่อผู้เล่นได้ยินอาณัติสัญญาณครั้งที่ 3 ผู้วางทั้งสองฝ่ายต่างชักโคของตนเข้ามาให้ศีรษะถึงกันถึงพอดีแล้วเอาเชือกที่โคคนคาบออกเสีย แล้วคนวางโคทั้งสองฝ่ายต่างวิ่งกลับที่เดิมปล่อยให้โคคนต่อสู้กันตัวต่อตัว
ระเบียบของการตัดสิน ให้กรรมการคอยดูว่า
1. กำลังกายฝ่ายไหนจะดีกว่ากัน
2. หากฝ่ายใดใช้มือเป็นเครื่องต่อสู้ ตัดสินให้ฝ่ายนั้นเป็นผู้แพ้
3. ฝ่ายโคล้มหงายหน้าขึ้นแสดงว่าหมดกำลังตัดสินเป็นแพ้
4. ฝ่ายโคออกปากว่าสู้ไม่ได้เป็นแพ้
หลักของการเสมอกัน ก่อนลงมือเล่นกรรมการควรจะให้เวลาไว้ หากคู่ต่อสู้ทั้งสองฝ่ายมีกำลังกายและไหวพริบเท่า ๆ กัน สู้กันไปจนหมดเวลาตัดสินเป็นเสมอกัน
ประโยชน์
เพื่อการออกกำลังกาย เกิดความฉลาด มีไหวพริบ สร้างความสนุกสนาน รื่นเริงในหมู่คณะ
อ้างอิงจาก : กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ศึกษาการละเล่นพื้นบ้านต่าง ๆ ได้ที่ : บทความทั่วไป