ที่มาของคำ  การเล่นฟุตบอลในระบบทีม ในขณะลูกฟุตบอลอยู่ในความครอบครองของทีมคู่ต่อสู้ โดยนักฟุตบอลภายในทีม ทุกตำแหน่ง ช่วยกันบีบและกดดันพื้นที่ของคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว เพื่อแย่งการครอบครองบอลมาให้ได้ 

เพรสซิ่งฟุตบอล

วิธีเพรสซิ่งฟุตบอลที่เป็นที่นิยมมีดังนี้

- ใช้วิธีการบีบและกดดัน ทีมคู่ต่อสู้เพื่อแย่งการครอบครองบอล ตั้งแต่ในแดนคู่ต่อสู้ ( High pressing )

- ใช้วิธีการบีบและกดดัน ฯ เมื่อเริ่มเข้าสู่แดนของทีมเรา ( Own half pressing )

- การบีบและกดดันในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง ไม่เน้นรูปแบบทั้งทีม ( Area pressing )

ข้อดีและประโยชน์ของแท็กติกการเพรสซิ่ง

- การวิ่งเข้ากดดันบีบพื้นที่ของผู้เล่นทุกคนที่อยู่ใกล้ลูกฟุตบอล ทำให้ทีมคู่่ต่อสู้ต้อง จ่ายบอลหรือออกบอลเร็วขึ้นกว่าปกติ ทำให้เกิดความผิดพลาดในการรับ-ส่งลูกฟุตบอล = ทีมเราแย่งการครอบครองบอลได้

- ทีมคู่ต่อสู้ ไม่สามารถเซตเกม ตั้งเกมได้ง่าย เมื่อเราใช้ระบบเพรสซิ่งเข้าไปกดดัน หากเป็นทีม เล่นบอลแบบเท้าสู่เท้าไม่ดี มักจะจบด้วยการโยนยาวไปข้างหน้า ซึ่งง่ายต่อการป้องกันมากกว่า การรับส่งภาคพื้นดิน

- ลดความมั่นใจ ทำลายการเซตบอล ของคู่แข่ง  เมื่อทีมฝั่งตรงข้ามไม่ได้ต่อบอลแบบต่อเนื่อง ประสิทธิภาพในการทำเกมย่อมต่ำลง เกิดข้อผิดพลาดเยอะ ( หากปล่อยให้่ทีมคู่แข่ง เคาะบอลเป็นเวลานาน ความมั่นใจและประสิทธิภาพในเกมรุกของพวกเขามักมากขึ้นเรื่อยๆ )

- ภายหลังการตัดบอลหรือแย่งบอลได้จากระบบเพรสซิ่ง  การใช้ระบบโต้กลับเร็ว หรือ เคาท์เตอร์ แอ็ทแท็ค         (  Counter attack )  เป็นกลยุทธ์ที่โค้ช ใช้เป็นแผนคู่กันเสมอ

- เป็นที่แน่นอนครับ โดยปกติ การรับส่งบอลโดยไม่มีผู้เล่นกดดัน  เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายดาย เราอาจตกแต่งบอลให้เชื่องเท้าแค่ไหนก็ได้  แล้วก็แปบอลออกไปให้เพื่อนร่วมทีมให้สวยงามที่สุด

ข้อเสียของระบบเพรสซิ่ง

คำเดียวครับ " เหนื่อย " ..  ระบบเพรสซิ่ง เหมาะกับทีมที่มีความพร้อม ผู้เล่นมีความฟิตมาก ใช้พละกำลังมหาศาล  หากใช้ระบบเพรสซิ่งกดดันคู่ต่อสู้ บ่อยครั้ง หากสภาพทีมโดยรวมหมดแรง อ่อนล้า... อันนี้แหละครับ มันจะย้อนมาเล่นงานเรา

สามารถติดตามผลฟุตบอล และตารางแข่งขันได้ที่... www.siamsporttalk.com

พูดคุยเรื่องกีฬา ... www.siamsporttalk.com/webboard/