ประวัติยิงปืนในประเทศไทย
กีฬายิงปืนเป็นกีฬาที่ประชาชนคนไทยให้ความนิยมและสนใจเมื่อไม่นานนี้เอง ความจริงแล้วคนไทยรู้จักการใช้อาวุธปืนมาช้านานแล้ว และมีการแข่งขันกันแต่ไม่เป็นที่นิยมแพร่หลายมากนัก ต่อมาบรรดานักยิงปืนทั้งหลายได้เล็งเห็นว่าควรจะได้มีการแข่งขันยิงปืนตามแบบและกติกาและกติกาสากลนิยม จึงมีการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อจัดการแข่งขันยิงปืนขึ้นตามแบบและกติกาสากลนิยม จึงได้มีการจัดตั้งสมาคมยิงปืนสมัครเล่นแห่งประเทศไทย โดยจดทะเบียนก่อตั้งอย่างถูกต้อง เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2501
ภายหลังจากที่สมาคมยิงปืนสมัครเล่นแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ได้ก่อตั้งขึ้นแล้ว สมาคมฯจึงได้คัดเลือกนักกีฬายิงปืนส่งเข้าร่วมการแข่งขันกับนานาชาติ เช่น การแข่งขันซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ และโอลิมปิกเกมส์เป็นครั้งแรกในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 17 ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี ในปี พ.ศ. 2503
ในปี พ.ศ. 2501 สมาคมยิงปืนสมัครเล่นแห่งประเทศไทย จึงได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกของสหพันธ์ยิงปืนแห่งเอเชีย และสมาชิกของสหพันธ์ยิงปืนนานาชาติในปีเดียวกัน ซึ่งประเภทการแข่งขันยิงปืนตามแบบสหพันธ์ยิงปืนนานาชาติ ซึ่งจัดการแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก คือ
โดยในประเภทชายจะแบ่งการแข่งขันออกเป็น 10 ประเภทคือ
- ปืนยาวอัดลมชาย 10 เมตร
- ปืนยาวมาตรฐาน 3 ท่ายิง 300 เมตร
- ปืนสั้นอัดลมชาย
- ปืนสั้นยิงเร็วชาย
- ปืนยาว 3 ท่ายิง 50 เมตร
- ปืนลูกซอง แทรป
- ปืนลูกซอง สกีต
- ปืนลูกซอง ดับเบิ้ล แทร็ป
- ยิงเป้าบิน
- Running Target Mixed 10 เมตร
ประเภทหญิงจะแบ่งการแข่งขันออกเป็น 7 ประเภทคือ
- ปืนยาวอัดลมหญิง 10 เมตร
- ปืนยาว 3 ท่ายิง 50 เมตร
- ปืนสั้นอัดลมหญิง 10 เมตร
- ปืนสั้นหญิง 25 เมตร
- ปืนลูกซอง แทรป
- ปืนลูกซอง สกีต
- ปืนลูกซอง ดับเบิ้ล แทร็ป
ส่วนในประเภทผสมแบ่งเป็น 3 ประเภทคือ
- ปืนยาวอัดลม 10 เมตร
- ปืนสั้นอัดลม 10 เมตร
- ปืนลูกซอง แทรป
-
กฏกติกาการให้คะแนนการแข่งขันนั้นจะถูกตัดสินโดยหลากหลายปัจจัย ได้แก่ การปฏิบัติตามกฏระเบียบ, ระยะวิถี, ประเภทของเป้า, ตำแหน่งการยิง, จำนวนนัด และเวลาที่กำหนดในการยิงแต่ละนัด