ส่วนในประเทศไทย กีฬายิมนาสติกได้เข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทยเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 โดยนักเรียนไทยที่ไปศึกษาในยุโรป เมื่อกลับมายังประเทศสยามก็ได้นำการเล่นยิมนาสติกเข้ามาเผยแพร่ด้วย แต่ระยะแรกคงจำกัดอยู่เฉพาะในการออกกำลังกายเป็นหลัก จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2477 จึงมีการสาธิตการเล่นยิมนาสติกในการแข่งขันกรีฑานักเรียนแห่งประเทศไทย และมีการบรรจุการเล่น “ดัดตนห้อยโหน” ในหลักสูตรการศึกษาในช่วงเวลาเดียวกัน จนถึงปี พ.ศ. 2506 (ค.ศ. 1963) ประเทศกัมพูชาได้เป็นเจ้าภาพกีฬาแหลมทอง และเสนอที่จะจัดแข่งขันกีฬายิมนาสติกด้วย ซึ่งแม้ว่าการแข่งขันกีฬาแหลมทองในคราวนั้นจะงดไปเนื่องจากเจ้าภาพไม่พร้อม แต่ก็ทำให้ประเทศไทยเกิดความสนใจที่จะพัฒนานักกีฬายิมนาสติกให้เข้าสู่ระดับสากล จึงได้มีการจัดตั้งสมาคมยิมนาสติกแห่งประเทศไทยขึ้น เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2511 และได้เข้าเป็นสมาชิกของสหพันธ์ยิมนาสติกนานาชาติ ในปี พ.ศ. 2515 แต่เนื่องจากไม่มีการจัดการแข่งขันยิมนาสติกในกีฬาแหลมทอง (ต่อมาคือซีเกมส์) จึงทำให้นักกีฬายิมนาสติกไม่มีโอกาสเข้าแข่งขันในระดับชาติ
จนกระทั่งในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ปี 1978 (พ.ศ. 2521) ที่กรุงเทพฯ บรรดาชาติสมาชิกได้ขอให้ไทยบรรจุยิมนาสติกเข้าแข่งขันด้วย นักกีฬายิมนาสติกไทยจึงมีโอกาสเข้าแข่งขันในระดับนานาชาติเป็นครั้งแรก ซึ่งแม้ว่าจะเริ่มต้นได้ไม่ดีนักเนื่องจากมีเวลาเตรียมทีมน้อยมาก (ถึงขนาดมีเรื่องเล่ากันว่า โฆษกสนามต้องขอร้องผู้ชมอย่าได้โห่นักกีฬาไทยที่เล่นกันผิดพลาดมากกันเลย) แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้กีฬายิมนาสติกเริ่มเป็นที่สนใจมากขึ้น และมีการจัดการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทยขึ้นทุกปี เพื่อเป็นการพัฒนาฝีมือนักกีฬาสำหรับแข่งขันในระดับนานาชาติต่อไป