โรคนิ้วล็อค และวิธีการออกกำลังกายเพื่อป้องกัน
โรคนิ้วล็อค เป็นภาวะที่นิ้วมือล็อคติดอยู่ในท่างอ เวลาเหยียดนิ้วให้ตรงอาจจะมีการสะดุดของนิ้ว ถ้าเป็นมากนิ้วจะล็อคอยู่ในท่างอ ไม่สามารถเหยียดตรงได้เป็นโรคที่สามารถป้องกันและรักษาให้หายได้ ถ้ามีการดูแลตนเองอย่างถูกวิธี
โรคนิ้วล็อค พบได้บ่อยในผู้สูงอายุที่ใช้มือทำกิจกรรม โดยการหยิบจับอยู่ตลอดเวลา เช่น การหิ้วของหนักนาน ๆ บิดผ้าด้วยมือเปล่าจำนวนมาก ทำสวนโดยใช้กรรไกรตัดกิ่งไม้ มีการจับและออกแรงบีบอุปกรณ์ซ้ำ ๆ
นอกจากนี้ ยังพบได้ในผู้สูงอายุที่เป็นโรคไต โรคเบาหวาน โรคของต่อมไทรอยด์และโรคในกลุ่มรูมาตอยด์ เป็นต้น
สาเหตุ
มีการบาดเจ็บเนื่องจากถูกใช้งานมากเกินไป เช่น การกำมือแน่น ๆ เป็นเวลานานอยู่เป็นประจำ หรือเกิดร่วมกับภาวะข้ออักเสบรูมาตอยด์ ซึ่งจะทำให้ช่องว่างที่อยู่ระหว่างเส้นเอ็นและปลอกหุ้มเส้นเอ็นแคบลง ถูกกดรัด และทำให้ขาดสารหล่อลื่นภายในปลอกหุ้มเอ็นนิ้วมือ ต่อเนื่องไปถึงการทำให้นิ้วล็อกติดในท่างอก่อนที่จะเหยียดตรงได้ ทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหวของเส้นเอ็น จะทำให้เกิดการอักเสบของเส้นเอ็นเพิ่มอีก ถ้ามีการอักเสบเป็นระยะเวลานาน จะทำให้เกิดพังผืดขึ้นสามารถคลำได้เป็นก้อนที่ฝ่ามือบริเวณนิ้วมือที่มีอาการล็อค
อาการ แบ่งเป็น 4 ระยะ คือ
1. ระยะแรก มีอาการปวดเป็นหลัก โดยจะมีอาการปวดบริเวณโคนนิ้วมือ จะปวดมากขึ้นถ้ากดบริเวณโคนนิ้วด้านฝ่ามือ แต่ยังไม่อาการติดสะดุด
2. ระยะที่สอง มีอาการสะดุดเป็นหลัก และอาการปวดจะเพิ่มมากขึ้น เวลาที่งอและเหยียดนิ้วมือ จะมีการสะดุดจนรู้สึกได้
3. ระยะที่สาม มีอาการติดล็อคเป็นหลัก เมื่องอนิ้วลงไปแล้วจะติดล็อคจนไม่สามารถเหยียดนิ้วออกได้เอง ต้องเอามืออีกข้างมาช่วยดึงออกให้ตรง หรืออาจมีอาการมากขึ้นจนไม่สามารถงอนิ้วลงได้เอง
4. ระยะที่สี่ มีการอักเสบมาก จนนิ้วบวมติดอยู่ในท่างอเล็กน้อย ไม่สามารถเหยียดให้ตรงได้ถ้าใช้มืออีกข้างมากช่วยเหยียดออกจะปวดมาก
การรักษา
1. ระยะที่มีการอักเสบ ควรพักการใช้มือ ประคบด้วยความเย็นและใช้อุปกรณ์พยุงข้อโคนนิ้วมือร่วมกับการรับประทานยา เพื่อลดการอักเสบ ลดปวดและลดบวม
2. ช่วงเช้าควรแช่นิ้วมือในน้ำอุ่นนานประมาณ 5 - 10 นาที ร่วมกับการบริหารนิ้วมือในน้ำอุ่น เช่น กำ แบ มือเบา ๆ ในน้ำ
3. ยืดเหยียดกล้ามเนื้อมือและบริหารเพิ่มความแข็งแรงกล้ามเนื้อแขนและมืออย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ
4. ออกกำลังกาย ? และการรักษาทางกายภาพบำบัดร่วมด้วย เพื่อลดอาการอักเสบและลดปวด
5. การฉีดยาสเตียรอยด์เฉพาะที่ เพื่อลดการอักเสบ ลดปวดและลดบวม
6. การรักษาโดยการผ่าตัดเอาเยื่อพังผืดออก แบ่งออกได้เป็น 2 วิธี คือ การผ่าตัดแบบเปิด เป็นวิธีมาตรฐานที่ควรทำในห้องผ่าตัดและอีกวิธีเป็นการผ่าตัดแบบปิดโดยการใช้เข็มสะกิดปลอกหุ้มเอ็นออก
การออกกำลังกายเพื่อรักษาและป้องกัน
เริ่มจากยกแขนขึ้นระดับไหล่ ใช้มือข้างหนึ่งดันให้ข้อมือ นิ้วมือ เหยียดลงสุด นิ่งค้างไว้ 5 - 10 วินาที ทำซ้ำ 5 - 10 ครั้ง/เซต สลับทำอีกข้างหนึ่ง วันละ 2 - 3 เซต
เริ่มจากคว่ำมือลง มือถือขวดน้ำหรือวัตถุที่มีน้ำหนักพอเหมาะ จากนั้นค่อย ๆ กระดกข้อมือขึ้นให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ นิ่งค้างไว้ 2 วินาที แล้วค่อย ๆ กระดกข้อมือลงในทิศทางตรงกันข้าม ทำซ้ำ 5 - 10 ครั้ง/เซต สลับทำอีกข้างหนึ่ง วันละ 2 - 3 เซต
เริ่มจากแบมือ ค่อย ๆ งุ้มปลายนิ้วทั้งสี่ลงจนอยู่ในท่ากำมือ หลังจากนั้นให้เหยียดปลายนิ้วทั้งสี่ออกในขณะที่มือยังงุ้มอยู่ แล้วงอนิ้วทั้งสี่กลับมาอยู่ในท่ากำมืออีกครั้ง โดยนิ้วหัวแม่มือเหยียดตรง ทำซ้ำ ๆ 10 - 5 ครั้ง/เซต สลับทำอีกข้างหนึ่ง วันละ 2 - 3 เซต
ถือ{--mlinkarticle=246--ลูกเทนนิสไว้ในมือ ค่อย ๆ ออกแรงบีบมากเท่าที่ทำได้ แล้วคลายออก ทำซ้ำ 10 - 15 ครั้ง/เซต สลับทำอีกข้างหนึ่ง วันละ 2 - 3 เซต
เริ่มจากใช้ยางพันนิ้ว ดังนิ้ว แล้วออกแรงเหยียดอ้านิ้วออกต้านยางยืด นิ่งค้างไว้ 2 วินาที แล้วค่อย ๆ ปล่อยคลายออก ทำซ้ำ 10 - 15 ครั้ง/เซต สลับทำอีกข้างหนึ่ง วันละ 2 - 3 เซต
อ้างอิงจาก : กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
อ่าน : บทความสุขภาพ เพิ่มเติม